วันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2559


วัตถุดิบผลิตปุ๋ย


                   วัตถุดิบผลิตปุ๋ยของทำมาจากเปลือกไม้หมักที่ผ่านกระบวนการหมักกับจุลินทรีย์  ที่มีประโยชน์มากกว่า 5 ปี จนได้มาเป็นวัตถุดิบผลิตปุ๋ยที่มีคุณภาพ  โดยได้  OM ตามมาตรฐานการรับรองจากกรมวิชาการเกษตร  อีกทั้งยังมีธาตุอาหารและสารอินทรีย์สูงช่วยในการปรับปรุงโครงสร้างดิน  เพิ่มจำนวนรากของพืช  พืชเจริญและงอกได้ดี  และออแกนนิค  om = 50%
                   3.1.1.  เหมาะสำหรับโรงงานผลิตปุ๋ย กลุ่มผลิตปุ๋ย และกองทุนปุ๋ย
                   3.1.2.  ผ่านกระบวนการผสมและหมักอย่างสมบูรณ์ ปั้นเม็ดได้ทันที
                   3.1.3.  สะดวก รวดเร็ว ใช้แรงงานน้อย ต้นทุนต่ำ กำไรสูง

             
 2. วัสดุปลูกเกรด  A ตรา ดู๋ ดอกกระโดน




              นวัตกรรมใหม่ของวัสดุปลูก คุณภาพส่งออก ผลิตจากเปลือกไม้หมักที่ผ่านกระบวนการหมักกับจุลินทรีย์ ที่มีประโยชน์มากกว่า5 ปี จนได้วัสดุเพาะกล้าและวัสดุปลูกที่มีคุณภาพ ทั้งการอุ้มน้ำได้ดี การถ่ายเทน้ำสะดวก อีกทั้งยังมีธาตุอาหารและสารอินทรีย์สูง ช่วยในการปรับปรุงโครงสร้างดินของท่าน เพิ่มจำนวนรากของพืช พืชเจริญและงอกได้ดีคุณภาพสูง ด้วยเครื่องมืออันทันสมัย ด้วยการลงทุนสูง ควบคุมการผลิต  ด้วยวิศวะเกษตร (agricultural engineering control processing) สะอาด ปลอดภัย ต่อต้นไม้และไม่มีสารพิษตกค้าง
                    วิธีใช้ที่  1.  ใช้ผสมกันดินเกษตร แกลบเผาหรือคลุกร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์  เคมี  ก่อนปลูกลงกระถางหรือถาดเพาะ  รอต้นกล้าแข็งแรงแล้วย้ายลงดิน
                    วิธีใช้ที่ 2.  ผสมวัสดุปลูก  ส่วน  ต่อ  ดิน  ส่วนของดินที่บ้านท่าน  คลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วใช้ปลูกต้นไม้  โดย          
•     วัสดุปลูกจะช่วยเพิ่มออร์แกนิก  ที่พืชต้องการ

•     อัตราการงอก 90 %
•     ฮิวมิก,ออร์แกนิก  om  50%
•     ใช้แทนดินได้
•     อุ้มน้ำดี ถ่ายเทอากาศดี  ร่วนซุย
•     สะอาดปราศจากเมล็ดวัชพืช โรคพืช และแมลงศัตรูพืช
•     รากไม่ขาดง่าย

            3.ดินเกษตร  ตรา  ดู๋  ดอกกระโดน


คุณสมบัติของดินเกษตรตราดู๋ ดอกกระโดน
-          ผลิตจากเปลือกยูคาหมัก คุณภาพสูง ด้วยเครื่องมืออันทันสมัย  ด้วยการลงทุนสูง  ควบคุมการผลิตด้วยวิศวะเกษตร (agricultural engineering control processing) สะอาด ปลอดภัย ต้นไม้งาม
-          ต้องดินเกษตรตราดู่ดอกกระโดน เราคือ ดินที่ถูกต้องตามหลักวิศวกรรมเกษตร
-          อัตราการงอก 90-95%
-          ฮิวมิก  ออร์แกนิก  om = 50%
-          ใช้เป็นวัสดุปลูก หรือเพาะเมล็ด
-          ถ่ายเทอากาศดี อุ้มน้ำ ร่วนซุย
-          ป้องกันโรคและแมลงในดิน ได้ด้วยตัวเอง

          4.  น้ำส้มควันไม้

          สูตรเพิ่มประสิทธิภาพ  การกำจัดเพลี้ย ปลวก และ แมลงศัตรูพืช  ผลิตจากอินทรีธรรมชาติ
คุณสมบัติ                              

         เป็น น้ำส้มควันไม้ที่มีความเข้มข้นสูงมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อที่รุนแรง เนื่องจากมีความเป็นกรดสูงและมีสารประกอบ เช่น เมธานอลและฟีนอล ซึ่งมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อได้ดี เมื่อนำมาเจือจาง 200 เท่าจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์และต่อต้านเชื้อแบคทีเรียจะเพิ่มปริมาณมาก ยิ่งขึ้น เนื่องจากได้สารอาหารจากกรดน้ำส้ม น้ำส้มควันไม้จึงสามารถนำมาใช้ในการเกษตรได้ดี

 ข้อควรระวังในการนำน้ำส้มควันไม้ไปใช้              
1.        น้ำส้มควันไม้มีความเป็นกรดสูง ระวังอย่าให้เข้าตา
2.        น้ำส้มควันไม้ไม่ใช่ปุ๋ย แต่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา ดังนั้นการนำไปใช้ในทางการเกษตร จะเป็นตัวเสริมประสิทธิภาพให้กับพืชใช้แทนปุ๋ยไม่ได้
3.        การใช้น้ำส้มควันไม้เพื่อฆ่าเชื้อจุลินทรีย์และแมลงในดินเป็นโทษกับพืช ควรทำก่อนเพาะปลูกอย่างน้อย 10 วัน
4.        การนำน้ำส้มควันไม้ไปใช้ต้องผสมน้ำ ให้เจือจางตามความเหมาะสมของพืชแต่ละชนิด หากใช้กับพืชกินใบ  ควรใช้ฉีดพ่นใต้ใบ เนื่องจากจะช่วยขับไล่แมลงใต้ใบ
5.        การฉีดน้ำส้มควันไม้เพื่อช่วยให้ดอก ติดใบ ควรฉีดก่อนที่ดอกจะบาน เนื่องจากหากฉีดหลังจากดอกบานจะทำ ให้แมลงไม่เข้ามาผสมเกสร เพราะกลิ่นฉุนของน้ำส้มควันไม้และดอกจะหลุดร่วงง่าย

       5. CHITOSAN PLUS ไคโตซาน พลัส  เกษตร 99  “สูตรพิเศษ

 คุณสมบัติ  “ไคโตซาน พลัส สูตรพิเศษ
    “ไคโตซาน พลัสเป็นสารโพลิเมอร์ชีวภาพจากธรรมชาติ สกัดจากสัตว์จำพวกมีเปลือกแข็ง เช่น กุ้ง ปู ปลาหมึก ปราศจากสารเคมี ปลอดภัยต่อพืช มนุษย์ และสัตว์
ประโยชน์จากการใช้  ไคโตซาน พลัส สูตรพิเศษ
-          ช่วยเร่งการเจริญเติบโตและเสริมสร้างความแข็งแรงให้พืช  
-          ช่วยเพิ่มความสมบูรณ์ให้ราก,ใบ,ดอก และผล
-          ช่วยลดการหลุดร่วงของผล ป้องกันผลแตก                           
-          ช่วยให้ผักมีน้ำหนักดีขึ้น 30-80%
-          ช่วยกระตุ้นให้พืชสร้างภูมิต้านทานโรคและแมลง               
-          ช่วยยับยั้งเชื้อราและแบคทีเรีย
-          ช่วยป้องกันและแก้ปัญหาโรคราน้ำค้าง โรครากเน่า,ราสนิมในนาข้าว
-          ช่วยปรับสมดุลระบบนิเวศน์ดินแลน้ำ            
-          ช่วยลดปริมาณการใช้ปุ๋ยและยาฆ่าแมลงลงได้ครึ่งหนึ่ง
-          ช่วยระยะเวลาเพราะปลูก เก็บเกี่ยวได้เร็วขึ้น     
-          ไม่ต้องใช้สารจับใบเป็นส่วนผสม
-          ทำให้ผลผลิตสูงขึ้นและมีคุณภาพดีสม่ำเสมอ     
-          ช่วยปรับสภาพดินที่เสียให้กลับดี และร่วนซุย
    วิธีใช้  “ไคโตซาน พลัส สูตรพิเศษผัก พืชไร่ ไม้ดอก
-         แช่เมล็ดพันธุ์ในน้ำทีผสม ไคซาน พลัสด้วยอัตราส่วน 20 ซีซี ต่อน้ำ 1 ลิตร เป็นเวลา12-24 ชั่วโมง แล้จึงนำไปหว่านเพาะปลูก
-          หลังจากหว่านเมล็ดพันธุ์ 7 วัน ใช้ ไคโตซาน พลัส” 20 ซีซี. ผสมน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นให้ทั่ว
-          ฉีดพ่นให้ทั่วทุก 7-10 วัน  จนถึงระยะเก็บเกี่ยวผลผลิต

           6.  ซุปเปอร์ไบโอ  Supper  Bio

เป็นสารอินทรีย์ที่สกัดมาจากพืชมนรูปแบบของเหลวที่เข้มข้นโดยใช้กระบวนการเทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิต ซึ่งจำทำให้พืชดูดซึมและนำไปใช้งานได้ทันที่ทั้งทางดินโดยระบบรากและทางใบโดยการฉีดพ่น สารซุปเปอร์ไบโอช่วยให้พืชเสริมสร้างให้พืชแข็งแรง ทนทานต่อการเข้าทำลายของโรคและแมลงศัตรูพืช สารซุปเปอร์ไบโอช่วยให้พืชเสริมสร้างระบบรากใหม่ และทำหน้าที่ในกระบวนการสังเคราะห์แสงของพืชได้ดียิ่งขึ้น ทำให้พืชเจริญเติมโต แตกก่อได้ดีอย่างต่อเนื่องการออกดอกดี ช่อดอกเกสรสมบรูณ์  ติดผลดกไม่หลุดร่วงผลผลิตเพิ่มขึ้น ซุปเปอร์ไบโอยังช่วยให้ดินกลับมามีชีวิตมีจุลินทรีย์เพิ่มความอุดมสมบรูณ์ให้ดินเพิ่มขึ้นเหมือนกับธรรมชาติลดการสะสมแก๊สที่เป็นพิษต่อระบบรากพืชและธาตุโลหะหนักในดินหลังจากที่ใช้ปุ๋ยเคมีในแปลง ไร่ นา สวนผลไม้ มานานแล้วไม่ต่ำกว่า 40  ปี  วันนี้มาเริ่มต้นก็ยังไม่ช้าเกินไปที่จะก้าวข้ามสิ่งนี้  ซึ่งมีสารซุปเปอร์ไบโอมาช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวที่ในอดีตได้ทำไว้ เกษตรซุปเปอร์ ยังมองถึงผู้ใช้สารซุปเปอร์ไบโอผ่านไปยังการบริโภค หลังจากที่ผู้ผลิตใช้สารซุปเปอร์ไบโอ ในแปลง 100 %  แล้วจะทำไห้ได้บริโภคสินค้าทางการเกษตรที่ปลอดภัยจริง และสิ่งแวดล้อมต่างๆ ในดินก็กลับมาอุดมสมบรูณ์เหมือนเดิม อนามัยการเป็นอยู่ก็ดีขึ้นการเป็นโรคแทรกซ้อนของสุขภาพก็ลดน้อยลง ปลอดภัยต่อชีวิตเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

คุณสมบัติและประโยชน์  ซุปเปอร์ไบโอ  Supper  Bio
- เพิ่มคลอโรฟิวสีเขียวกับพืชทำให้อัตราการสังเคราะห์แสงได้ดี
- กระตุ้นการเกิดและการกระจายรากใหม่ เพิ่มมวลรากให้กับพืชต่างๆ
- กระตุ้นการเจริญเติมโตของพืชอย่างสม่ำเสมอต่อสภาพการ
  เปลี่ยนแปลงของอากาศ
- เพิ่มความสมบรูณ์ของดอกและเกสรของพืชจะทำให้ติดผลผลิตและ
  เมล็ดสมบรูณ์มากยิ่งขึ้น
- จะทำให้เนื้อเยื้อและผนังเซลล์ พืชแข็งแรงดูแลรักษาง่าย
- ป้องกันการเข้าทำลายแมลงศัตรูพืช ไร่ เพลี้ยแป้งได้อย่างดี
- ป้องกันการเข้าทำลายของโรคพืชจากเชื้อรา แบคทีเรียได้ดี
- ลดความรุนแรง  การระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ดรคราสนิม
  รกน้ำค้าง ในนาข้าว
- ลดการใช้สารเคมีที่มีพิษตกค้างกับพืชอย่างสิ้นเชิง
- ควบคุมดูแลรักษาการทำลายระบบโครงสร้างของดินและเพิ่ม
  จุลินทรีย์ในดินช่วยให้ดินมีชีวิต
- ช่วยให้พืชสะสมอาหารในเมล็ดของพืชได้ดี และทำให้เมล็ดพืชสม
  บรูณ์น้ำหนักดีเหมาะแก่การทำเล็ดพันธ์เพื่อการค้า
- ลดการคายน้ำ ทำให้พืชยังคงความสดชื้น แม้ในวันที่ร้อนจัด
- เป็นอินทรีย์ที่สกัดจากพืช ไร้สารก่อมะเร็งใช้ได้ดีกับพืชทุกชนิด
- ช่วยลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มผลผลิตให้กับพืช 10 -  50 %

          7.  ปุ๋ยอินทรีย์  ตราเกษตรชาวบ้าน

            ปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ ตรา เกษตรชาวบ้าน เกรด A พิเศษ
คุณสมบัติ
-          เป็นปุ๋ยรองพื้น
-          ปรับสภาพดินที่ใช้ปุ๋ยเคมีมานานหลายปี
-          เพิ่มการเจริญเติบโตและผลผลิตของพืช
-          สามารถใช้ร่วมกับปุ๋ยเคมีได้
-          ใช้แล้วเปลือกยางนิ่ม  ง่ายต่อการกรีด
-           เพิ่มปริมาณน้ำยาง
-           คุณภาพและความเข้มข้นของน้ำยางสูงขึ้น  ทำให้ขายได้ราคาดีขึ้น
-           ต้นยางแตกยอดง่าย  ใบยางดี
-            เพิ่มอาหารให้ครบถ้วนเหมาะสมตามความต้องการของต้นยาง
-            ช่วยป้องกันศัตรูและโรคพืช



วันพุธที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2559


โครงสร้างองค์กรโรงงานไททัน อโกร จำกัด



วันนัดรวมพนักงานในโรงงานเพื่อประชุมปรึกษาหารือกันของแต่ละส่วนงาน อาจจะดูเคร่งเครียดไปหน่อยแต่บรรยากาศก้อมีเสียงหัวเราะบางคราว 











สวัสดีวันเสาร์ครับ เราก็ยังคงส่งของต่อไป ขอแนะนำร้านใหม่น่ะครับ ร้านเพื่อนจัดสวน โซนลานไม้มิตรภาพ จ.ขอนแก่น เชิญแวะอุดหนุนกันได้น่ะครับ






ทำบุญไหว้โรงงานประจำทุกเดือน ขอให้กิจการในโรงงานขายดิบขายดีน่ะค่ะ










รวมรูปภาพ










 



















    10 วิธีปลูกต้นไม้ในกระถางได้สวยเป๊ะ




          ปลูกต้นไม้ในกระถางเป็นไอเดียที่ดี และเหมาะกับคนรักต้นไม้แต่ไม่มีพื้นที่เพียงพอ
ในการปลูก อีกทั้งการปลูกต้นไม้ ทั้งไม้ดอก หรือไม้ชนิดอื่น ๆ ไว้ในกระถางยังสามารถนำมาประดับตกแต่งภายในอาคารได้ เพราะเคลื่อนย้ายง่าย และดูแลไม่ยากเท่าไร แต่ถ้าคุณกำลังนึกอยากปลูกต้นไม้ในกระถางอยู่พอดี แต่ยังไม่รู้จะปลูกอย่างไร วันนี้เรามี 10 วิธีปลูกต้นไม้ในกระถางให้สวยเป๊ะมาฝากกันด้วยค่ะ
 1. เลือกกระถางให้เหมาะสม


       ขนาดกระถางและขนาดต้นไม้เป็นเรื่องสำคัญอันดับต้น ๆ ที่เราควรต้องคำนึงถึง
 เพราะหากต้นไม้มีขนาดใหญ่หรือเล็กกว่ากระถาง ก็จะดูไม่สมดุล ดังนั้นจึงควรเลือก
กระถางให้เหมาะสม รวมไปถึงต้องตรงกับความต้องการของเราด้วย เช่น หากว่าต้นไม้
เป็นพันธุ์ที่โตเร็ว และต้องเปลี่ยนกระถางบ่อยๆก็ควรเลือกใช้กระถางใหญ่ที่มีลักษณะกลม 
ปากกว้าง ซึ่งเป็นกระถางที่ใช้กันทั่วไปและเป็นที่นิยม เพราะง่ายต่อการย้ายต้นไม้ลงดิน
หรือถ้าหากคุณเป็นคนที่ชอบจัดสวน เคลื่อนย้ายตำแหน่งกระถางต้นไม้บ่อยๆ ก็ควรเลือก
     ใช้กระถางที่ทำจากโฟม หรือกระถางที่ทำมาจากไฟเบอร์กลาสเพราะมีความเบา 
เคลื่อนย้ายสะดวก ส่วนถ้าต้องการกระถางที่มีความหนักแน่น ก็ควรเลือกใช้กระถางเซรามิก 
หรือกระถางที่ทำมาจากปูนค่ะ

 2. ควรใช้ดินผสม

          ดินที่ใช้ในกระถางต้นไม้ควรจะเป็นดินปนทราย ที่มีพีทมอส ปุ๋ยหมัก ขุยมะพร้าว ถ่านป่น หรืออิฐป่น ผสมอยู่ด้วย เพื่อช่วยให้พืชได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน ไม่มีความเป็นกรด-ด่างในดินมากเกินไป และเพื่อให้ดินถ่ายเทอากาศ และอุ้มน้ำได้ดี นอกจากนี้ควรหมั่นพรวนดินในกระถางด้วยตะเกียบหรือไม้แหลมก็ได้ และควรใส่ปุ่ยเพื่อบำรุงให้ต้นไม้เจริญงอกงามอยู่เสมอด้วย

 3. ปลูกพืชตามความชอบ

          การจะปลูกพืชในกระถางให้สวยงาม สำคัญที่คุณต้องชอบต้นไม้หรือดอกไม้ชนิดนั้นด้วย หากว่าคุณเป็นคนที่ชอบไม้ดอก ก็เลือกปลูกมะลิ กุหลาบ หอมเจ็ดชั้น เป็นต้น แต่ถ้าชอบพืชที่มีความทนทาน และเป็นไม้มงคลก็เลือกปลูกพลูด่าง เศรษฐีเรือนใน เป็นต้น ส่วนคนที่ชอบไม้ดอกพุ่มกะทัดรัด แนะนำให้ปลูกแอฟริกันไวโอเลต พิทูเนีย หรือเฟิร์นต่าง ๆ ก็ได้ ชอบแบบไหน ก็เลือกปลูกกันได้ตามสบายเลยจ้า

 4. เลือกต้นไม้ที่มีสุขภาพดี

          ต้นกล้าที่จะนำมาปลูกต้องมีความสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ และสุขภาพดี ไม่มีโรคพืช หรือแมลงติดมาเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้พืชโตช้า หรือตายเร็ว เผลอ ๆ อาจจะแพร่กระจายโรคพืชไปยังต้นไม้ต้นอื่นด้วย ดังนั้นก่อนเลือกพันธุ์ไม้มาปลูกในกระถาง ก็ควรต้องเลือกพืชที่มีใบเขียวสด และลำต้นแข็งแรง ดูพร้อมจะเจริญเติบโตได้อย่างดี เคลื่อนย้ายกระถางไม่ลำบากด้วย

 5. ดูแลให้ถูกต้อง

          เพื่อให้ต้นไม้มีการเจริญเติบโตได้อย่างดี มีความสวยงามแข็งแรง จะได้ไม่ต้องเปลี่ยนกระถางบ่อย ๆ เราก็ควรดูแลต้นไม้ในกระถางให้ถูกวิธี ด้วยการเลือกใช้ดินให้เหมาะสมกับชนิดพืช อย่าลืมปนกรวดลงไปในดินเพื่อให้ช่วยยึดพืช และเพิ่มช่องว่างให้อากาศและน้ำถ่ายเทได้สะดวก ไม่ขังอยู่ในกระถางจนรากเน่า นอกจากนี้ควรรดน้ำอย่างพอดีกับต้นไม้ และหมั่นนำไปวางกลางแจ้ง เพื่อเปิดโอกาสให้พืชได้รับแสงอาทิตย์ไว้คอยสังเคราะห์แสงด้วย แต่ก็ไม่ควรตั้งกระถางต้นไม้ในที่ที่มีความร้อนหรือแดดแรงจนเกินไป ลมโกรกมาก ๆ ก็ไม่เหมาะ เพราะอาจจะทำให้ลำต้นโย้เอียงได้


 6. จัดเรียงกระถางให้เหมาะสม

          เราสามารถเลือกปลูกดอกไม้ในกระถางได้หลายชนิด แต่ก็ควรจัดวางกระถางให้เหมาะสม โดยจัดวางกระถางในตำแหน่งที่แสงสามารถส่องถึง อากาศถ่ายเทได้สะดวก ที่สำคัญต้องจัดเรียงลำดับกระถางให้ดี เแนะนำให้เรียงตามลำดับความสูง กระถางที่มีต้นไม้สูง ๆ ก็ไม่ควรอยู่ในตำแหน่งที่จะบังแสงที่จะส่องไปถึงต้นไม้เล็ก ๆ ได้ จะได้ไม้แย่งแสงกัน พาให้ต้นไม้พันธุ์ที่เตี้ยกว่า เสียโอกาสรับธาตุอาหารได้อย่างเต็มที่

 7. รดน้ำอย่างถูกวิธี

          หากสังเกตเห็นว่าหน้าดินเริ่มแห้ง ก็แสดงว่าต้นไม้เริ่มขาดน้ำ แต่การจะรดน้ำต้นไม้ในกระถางให้ต้นไม้ได้น้ำอย่างเต็มที่ อันดับแรกต้องดูที่ชนิดต้นไม้ก่อน ว่าเป็นพืชที่ชอบน้ำมากน้อยแค่ไหน ถ้าชอบน้ำน้อย ให้รดน้ำด้วยวิธีใช้ขวดสเปรย์ฉีดพรมจนชุ่มก็ได้ แต่ถ้าเป็นต้นไม้ชนิดที่ชอบน้ำมาก ให้ค่อย ๆ ใช้น้ำอุ่นรดลงไปที่หน้าดิน เพราะน้ำอุ่นจะซึมลงสู่ดินได้ง่ายกว่าน้ำอุณหภูมิปกติ ระหว่างที่รดน้ำก็ค่อย ๆ ใช้ดินสอหรือตะเกียบจิ้มดินให้เป็นรู เพื่อช่วยให้น้ำซึมลงสู่รากได้อย่างทั่วถึง

 8. ให้ปุ๋ยและสารอาหารสม่ำเสมอ

          ต้นไม้อาจจะเจริญเติบโตได้ไม่เต็มที่ถ้าเราไม่ให้ปุ๋ยเป็นอาหารเสริมเลย ดังนั้นนอกจากการดูแลขั้นพื้นฐานอย่างการรดน้ำพรวนดินแล้ว เราก็ควรต้องใส่ปุ๋ยและกำจัดแมลง รวมถึงศัตรูพืชด้วย จะเลือกใช้น้ำหมักธรรมชาติ หรือปุ๋ยตามชนิดที่พืชต้องการก็ได้ หมั่นดูแลเขาอย่างสม่ำเสมอ เขาจะได้เติบโตสวยงามให้เราชื่นชมไปนาน ๆ นะคะ

 9. ตัดแต่งสักนิด

          ต้นไม้ที่มีใบแห้ง เริ่มเหลือง หรือกิ่งเริ่มไม่สวยงาม เราก็ควรตัดแต่งกิ่ง ริดใบเหลือง ๆ และคอยตรวจตราดูเพลี้ยและศัตรูพืชอยู่เสมอ เพราะการริดใบที่เริ่มเน่า ใบที่เป็นโรค และการตัดแต่งกิ่งส่วนเกิน จะช่วยรักษาระดับน้ำและสารอาหารให้พืช ไม่ต้องส่งไปยังกิ่งหรือใบเหล่านี้อีก แต่การตัดแต่งกิ่งหรือริดใบทุกครั้งควรใช้อุปกรณ์ตัดแต่งกิ่งด้วยนะคะ เพราะหากริดใบด้วยมือ อาจจะส่งผลกระทบกระเทือนไปถึงราก ทำให้รากของต้นไม้เสียหายได้

 10. ถึงเวลาเปลี่ยนถ่าย
          
          เมื่อพืชเริ่มหยุดการเจริญเติบโต และไม่ค่อยรับน้ำแล้ว ก็ให้ตรวจสอบดูที่รากของต้นไม้ได้เลย เพราะนี่คือสัญญาณที่บอกว่า ถึงเวลาต้องเปลี่ยนกระถางเพราะต้นไม้โตเกินกว่าที่จะอยู่ในกระถางเดิมแล้ว เอาล่ะ! ได้เวลาย้ายที่อยู่ไปยังกระถางที่ใหญ่กว่า หรือบางต้นที่มีรากเยอะมาก ก็อาจจะแยกปลูกเป็น 2-3 กระถางได้เลยจ้า

                        

     
ขอบคุณสาระดี ๆ จาก kapook.com









ขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.gardengolden.com/


วิธีดูแลต้นไม้ในหน้าร้อน


          1. การรดน้ำ ควรรดในตอนเช้าหรือเย็น ช่วงที่อากาศไม่ร้อนจนเกินไป ซึ่งเวลาที่เหมาะสม คือ 6.00 - 8.00 น. และ 17.00 ถึง 21.00 น. ไม่ควรรดน้ำในตอนกลางวันที่แดดจัด เพราะเปรียบเสมือน การเอาน้ำร้อนมารดต้นไม้นั่นเอง อาจรดวันละครั้งในปริมาณที่มากกว่าปกติ หรือรดวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น
          วิธีรด คือ ควรรดรอบโคนต้นไม้ให้ชุ่มและรดพุ่มใบ ด้วยเพื่อให้ใบพืชซึมซับน้ำ เข้าทาง ปากใบ และลดการคายน้ำ หลังรดน้ำสายยางควรม้วนเก็บให้เรียบร้อย ไม่ควรวางทับสนามหญ้า เพราะนอกจาก จะดูไม่เรียบร้อย น้ำที่ค้างอยู่ในสายยางที่ตากแดดจัดจะร้อนทำให้หญ้าตายได้
          2. การใส่ปุ๋ย พยายาม อย่าให้เม็ดปุ๋ยติดค้างอยู่ที่ใบและยอด เพราะจะทำให้เกิดอาการใบไหม้ได้ หรือใส่ก่อนรดน้ำ สำหรับการใส่ปุ๋ยทางใบและฉีดยาฆ่าแมลง ไม่ควรฉีดพ่นในขณะที่อากาศร้อนจัด จะทำให้ใบไหม้และไม่ได้ประโยชน์เต็มที่ เพราะในช่วงที่อากาศร้อน ปากใบพืชจะปิดเพื่อลดการคายน้ำ การใส่ปุ๋ยไม่ควรใส่บ่อยเกินไปถ้าไม่จำเป็น จะเป็นการเร่งการแตกใบใหม่ ซึ่งใบอ่อนจะไม่ทน กับอากาศ และแสงแดดที่ร้อนจัด
          3. การพรวนดินให้ร่วนซุยเป็นประจำ จะ ทำให้ดินโปร่ง มีช่องว่างในเนื้อดินดูดซับน้ำไว้ได้มาก ทำให้น้ำซึมซับลงในดินในระดับที่ลึกกว่าปกติ ถ้าดินแห้งเกินไปอาจใช้วัสดุปลูกมาคลุมแปลงหรือโคนต้น ช่วยดูดซับน้ำ เช่น กาบมะพร้าวสับหรือหญ้าที่แห้งและปราศจากเชื้อโรคและวัชพืช
          4. ควรมีการตัดแต่งกิ่ง กระโดง กิ่งเป็นโรค และกิ่งที่ไม่มีความจำเป็น เพื่อลดการคายน้ำของพืช

ที่มา : http://guru.sanook.com/7106/

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์



วิธีการปักชำแบบควบแน่น

         วิธีการขยายพันธุ์พืช ด้วยการปักชำแบบควบแน่น โดยแนวคิดของนายเฉลิม พีรีจาก ศูนย์เรียนรู้โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ บ้านวัดใหม่ ๗๕ หมู่ ๓ ต.บึงสามัคคี 
อ.บึงสามัคคี จ.กำแพงเพชร 089 – 5670591


          วิธีนี้ใช้ได้กับพืชผักและผลไม้ ๓๐ กว่าตัวอย่าง สามารถขยายได้ทีละมากๆ เมื่อเกิดน้ำท่วม
หรือลมพัดต้นแม่พันธุ์เสียหาย สามารถใช้วิธีนี้อนุรักษ์พันธุ์พืชได้ การขยายพันธุ์พืชผักพื้นบ้านแบบควบแน่นอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นวิธีการที่สามารถลดเวลา ต้นทุนและการดูแลรักษา สามารถกำหนดปริมาณของผลผลิตให้ตรงกับความต้องการของตลาดและการบริโภคได้อย่างแม่นยำ การขยายพันธุ์มะนาว แบบควบแน่น
องค์ประกอบในการควบแน่นมะนาว มีดังนี้
ยอดมะนาว ความแก่อ่อน ๔๐ – ๖๐%
น้ำสะอาด
แก้วพลาสติค ขนาดบรรจุ ๑๐ ออนซ์ (หรือภาชนะที่ขนาดใหญ่กว่า ดูตามขนาดของยอดหรือกิ่งมะนาว)
ถุงพลาสติคใสขนาด ๖ ๑๑ นิ้ว (หรือขนาดใหญ่กว่า )
ยางวงเส้นเล็ก หรือเชือก


วิธีทำ
เก็บดินจากบริเวณที่มีอินทรีวัตถุน้อย ทำดินให้ร่วนซุย
พรมน้ำคลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วปั้นดู พอติดมือ (กำพอเป็นก้อน)
นำดินใส่ให้เต็มแก้วพลาสติคหรือภาชนะกระถางที่จะใช้ โดยแบ่งใส่ ๓ ครั้ง แต่ละครั้งกดดินให้แน่น ระดับ ๘๐%
ใช้ไม้แหลมหรือกรรไกรเสียบตรงกลางภาชนะที่ใส่ดินให้ลึกไม่เกิน ๓ ใน ๔ ส่วนของแก้ว
ใช้กรรไกรคม ตัดยอดมะนาวตามที่ต้องการ ตัดให้ยาวประมาณ ๑๒ – ๑๘ ซม. ข้อสำคัญ อย่าให้แผลที่ตัดเปลือฉีก จะออกรากไม่ดี
ใช้กรรไกรตัดหนามออกให้หมด ป้องกันหนามแทงถุง ถ้าอากาศเข้าจะออกรากยาก
นำยอดมะนาวเสียบลงในรูที่เสียบไว้ ให้สุด
กดดินรอบกิ่งมะนาวให้แน่น อย่าให้หลวม จะออกรากยาก
นำถุงพลาสติคครอบลงแล้วรัดด้วยยางวงจำนวน ๒ เส้น แล้วดึงก้นถุงให้ยางไปรัดอยู่ที่ขอบปากแก้ว


 การกลับถุง มีวิธีดังต่อไปนี้
๑.ให้นำถุงออกจากแก้ว ช่วงประมาณ ๑๘.๐๐ น. เพื่อป้องกันความร้อน
๒.นำถุงออกแล้ว นำแก้วมะนาวที่ออกรากแล้ว ใส่กลับลงไปในถุง (เปิดปากถุงไว้ ไม่ต้องใช้ยางวงรัด)
๓.ทิ้งไว้ในร่มรำไร ประมาณ ๕ – ๗ วัน ค่อยนำแก้วมะนาวออกจากถุง เพื่อให้มะนาวปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อม
๔.หลังจากนั้นนำแก้วมะนาวที่ออกจากถุง พักตัวไว้ในร่ม ๗ – ๑๐ วัน ค่อยนำไปเพาะในกระถาง หรือนำไปปลูกได้เลยนำไปเก็บไว้ในที่ร่มรำไร หลังจากนั้น ๑๕ – ๒๐ วัน ให้ตรวจดูราก พอพบรากให้ปล่อยจนรากมีสีน้ำตาลค่อยกลับถุง





ที่มา http://www.farmthailand.com/1178

ข้อดีของปุ๋ยอินทรีย์                           
1.ช่วยปรับปรุงโครงสร้างของดินให้ดีขึ้น ทำให้ดินมีคุณสมบัติทางฟิสิกส์ดี เช่น มีความโปร่งร่วนซุย มี 2.2      ความสามารถในการอุ้มน้ำและธาตุอาหารพืชได้ดี
2. สามารถอยู่ในดินได้นาน และค่อยๆ ปลดปล่อยธาตุอาหารอย่างช้าๆ
3. ส่งเสริมให้จุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ต่อการบำรุงดิน สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
4. เมื่อใช้ร่วมกับปุ๋ยเคมี จะส่งเสริมให้ปุ๋ยเคมีเป็นประโยชน์แก่พืชมากขึ้น

ข้อด้อยของปุ๋ยอินทรีย์     
1. มีปริมาณธาตุอาหารพืชต่อน้ำหนักปุ๋ยต่ำ ต้องใช้ปริมาณมาก
2. ใช้เวลานานในการปลดปล่อยธาตุอาหารที่เป็นประโยชน์ให้แก่พืช
3. ราคาต่อน้ำหนักของธาตุอาหารพืชมีราคาสูง
4. มีจำนวนจำกัด ไม่สามารถหาซื้อในปริมาณมากๆ ได้

ข้อดีของปุ๋ยเคมี
1. มีปริมาณธาตุอาหารพืชต่อน้ำหนักปุ๋ยสูง ใช้ปริมาณเล็กน้อยก็เพียงพอ
2. ปลดปล่อยธาตุอาหารให้แก่พืชได้เร็ว
3. ราคาต่อน้ำหนักของธาตุอาหารพืชมีราคาต่ำ สะดวกต่อการขนส่งและเก็บรักษา
4. หาซื้อง่าย เพราะเป็นผลิตผลที่ผลิตได้จากโรงงาน สามารถผลิตได้จำนวนมาก

ข้อด้อยของปุ๋ยเคมี
1. ไม่มีคุณสมบัติในการปรับปรุงคุณสมบัติทางฟิสิกส์ของดิน คือ ไม่ช่วยทำให้ดินโปร่ง
2. ปุ๋ยเคมีบางชนิด เช่น ปุ๋ยแอมโมเนีย ถ้าใช้ในปริมาณมากและติดต่อกันเป็นเวลานานจะทำให้ดินเป็นกรดมากขึ้น ต้องแก้โดยการใส่ปูนขาว
3. การใช้ปุ๋ยเคมีต้องระมัดระวัง เพราะปุ๋ยเคมีทุกชนิดมีความเค็ม ถ้าใส่มากหรือใส่ติดโคนต้นพืชจะเป็นอันตรายต่อต้นพืชและการงอกของเมล็ด
4. ผู้ใช้ปุ๋ยเคมีจะต้องมีความรู้ความเข้าใจเรื่องปุ๋ยพอสมควร จึงจะใช้อย่างได้ผลตอบแทนคุ้มค่า



ที่มา http://www.panmai.com/Tip/Tip01/Tip01.shtml





                                                                         การเพาะปลูกคะน้า
การเตรียมแปลงปลูก หรือในกระถาง
                1. ถ้าปลูกในแปลงควรเตรียมดินปลูก โดยใช้จอบขุดย่อยหน้าดินลึก 15-20 ซม. และย่อยดินให้ละเอียด ใส่ปุ๋ยคอก หรือใส่ปุ๋ยหมัก หว่านและคลุกเคล้าให้เข้ากับดินในแปลง
                2. ในกรณีปลูกในกระถาง ให้ผสมดินปลูกในกระถาง โดยใช้ดินร่วนละเอียดผสมกับปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก ในอัตรา 2:1

นาฬิกา

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Facebook

ปฎิทิน

รีวิวลูกค้า